วัดบ้านกร่าง เป็น
วัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่าย
มหานิกาย ตั้งอยู่ริม
แม่น้ำสุพรรณบุรี ใน
ตำบลบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี มีพื้นที่ปัจจุบันจำนวน 29 ไร่วัดบ้านกร่างเป็นวัดเก่าสมัย
กรุงศรีอยุธยา แต่ประกาศตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2410 ได้รับพระราชทาน
วิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2529
[1] ได้รับยกย่องจากกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง เมื่อ พ.ศ. 2536 ในสมัย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสต้นเมืองสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2451 กล่าวถึงวัดบ้านกร่างว่า "พลับพลาที่พักนี้ตั้งที่ตำบลบ้านกร่าง ใกล้ที่ว่าการอำเภอศรีประจันต์ฝั่งตะวันออก ตรงกับวัดที่ชื่อเดียวกันข้าม มีพระเจดีย์กลางน้ำองค์ 1 เป็นพระเจดีย์ไม้สิบสอง อยู่ข้างจะเขื่อง ว่าเป็นที่ราษฎรประชุมกันไหว้พระทุกปี"อาคารเสนาสนะที่สำคัญ ได้แก่
อุโบสถและ
วิหาร สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธานองค์ใหญ่
ศิลปะอู่ทอง ใบเสมารอบอุโบสถมีที่มาจากการนำพระวัดกร่างพิมพ์ทรงพลใหญ่มาจำลองให้มีขนาดเท่าใบเสมา ส่วนวิหารภายในมีหลวงพ่อแก้วและพระประธาน ถัดมาเป็น
มณฑป ด้านในมีรอย
พระพุทธบาทจำลอง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2476 ด้านหลังวิหารมีเจดีย์ที่ได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระเครื่องตระกูลวัดบ้านกร่าง (พระขุนแผน) ภายในเจดีย์ เคยพบพระพุทธรูปเนื้อสัมฤทธิ์จำนวน 20–30 องค์ รวมไปถึง
พระเครื่องซึ่งมีลักษณะเป็นแก้วสีเขียว
[2] นอกจากนั้นยังมีพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงหลั่งน้ำทักษิโณทกประกาศอิสรภาพ แกะสลักจากไม้ตะเคียนขนาดใหญ่
[3]กรุพระขุนแผนบ้านกร่างมีชื่อเสียง เป็นพระเครื่องเนื้อดินเผาศิลปะอยุธยา เชื่อกันว่าจะแคล้วคลาดคงกระพัน สันนิษฐานกันว่า น่าจะสร้างขึ้นหลัง
สงครามยุทธหัตถีระหว่าง
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับ
พระมหาอุปราช เมื่อตอนยกทัพกลับผ่านอำเภอศรีประจันต์ ได้พักทัพริมฝั่งแม่น้ำสุพรรณบุรี ทรงรับสั่งให้ทหารสร้างพระเครื่อง ว่ากันว่าเป็นจำนวนถึง 84,000 องค์ แล้วบรรจุในกรุวัดบ้านกร่าง
[4]